ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ตาลโตนด
เป็นพืชตระกูลปาล์มพัดชนิดหนึ่ง มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Borasas flabellifer L. จัดอยู่ ในสกุล Borassas ชื่อสามัญ
Palmyra Palm นักชีววิทยาเชื่อว่ามีถิ่นกำเนิดในเอเชียตอนใต้แถบฝั่งตะวันออกของอินเดียและกระจายตัวทั่วภูมิภาคเอเชียได้แก่
อินเดีย ศรีลังกา สหภาพเมียนมาร์ กัมพูชา มาเลเชีย อินโดนีเชีย และไทย
สำหรับไทยนั้น ตาลโตนดน่าจะมีการปลูกมาก่อนสมัยทวารวดี
เพราะจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ พบว่า เมื่อประมาณ พุทธศตวรรษที่ 11-16
ได้มีตราประทับรูปคน ปีนต้นตาล แสดงว่าในสมัยนั้นได้รู้จักวิธีใช้ประโยชน์จากต้นตาลแล้ว
นอกจากนี้ตาลยังถูกบันทึกเป็น ลายลักษณ์อักษรมาตั้งแต่สมัยโบราณ เช่น
จารึกวัดแดนเมือง จารึกวัดศรีคูณเมือง จารึกวัดศรีเมือง จารึกวัดถ้ำสุวรรณคูหา
ตาลโตนด
มีชื่อเรียกกันหลายชื่อด้วยกัน
เช่น ตาลใหญ่ ตาลนาไทย
ทางภาคเหนือเรียก ปลีตาล ภาคใต้
เรียก โนด เขมร เรียก ตะนอย
ลำต้น
ตาลโตนดเป็นพืชลำต้นเดี่ยว (Single stem) ขึ้นจากพื้นดินเพียงต้นเดียว
ไม่มีการแตกหน่อ มีขนาดใหญ่เส้นรอบวงประมาณ 2-4
ฟุต ผิวดำเป็นเสี้ยนแข็งมีความสูงจากพื้นดินถึงยอดประมาณ 25-30
เมตร จากข้อมูลของผู้ที่มีอาชีพเกี่ยวกับตาลกล่าวว่า
ต้นตาลจะเริ่มตั้งสะโพกหลังจาก ปลูกประมาณ 3-5 ปี
มีความสูงประมาณ 1 เมตร และจะเพิ่มความสูงประมาณปีละ 30-40
เซนติเมตร และผลการประกวดต้นตาลที่สูงที่สุดในจังหวัดเพชรบุรี ปี 2550
ปรากฏว่าต้นที่สูงที่สุดอยู่ที่ตำบลโรงเข้ อำเภอบ้านลาด สูงถึง 37.22
เมตรและเป็นต้นที่ยังคงให้ผลผลิตอยู่
ใบ
มีลักษณะยาวใหญ่เป็นรูปพัด (Palmate) ใบจะมีใบย่อยเรียกว่า
Segment จะแตกจากจุดๆเดียว ขอบก้านใบจะมีหนามแข็ง
และคมติดอยู่เป็น แนวยาวคล้ายใบเลื่อย ยอดตาลประกอบด้วยใบตาลประมาณ 25-40
ใบมีสีเขียวเข้มล้อมรอบลำต้นเป็นรัศมีประมาณ 3-4
เมตร ใบแก่สีน้ำตาลห้อยแนบกับ ลำต้นใน 1 ปีจะแตกใบประมาณ 12-15
ใบหรือเฉลี่ยเดือน
ละ 1 ใบ
ดอก ออกดอกเป็นช่อ
ดอกตัวผู้และดอกตัวเมียแยกกันอยู่คนละต้น ช่อดอกตัวผู้จะมีลักษณะเป็นงวงยาวประมาณ 30-40
เซนติเมตร โดยมีกระโปง ห่อหุ้มอยู่ ภายในกระโปงจะมีช่อดอกตัวผู้ประมาณ 3-5
ช่อ การออกของกระโปงจะออกเวียนรอบคอประมาณ 10-15
กระโปงต่อต้น ใน 1 ช่อดอก
ประกอบด้วยดอกตัวผู้มากน้อยแล้วแต่ความสมบูรณ์ของช่อดอก
ส่วนดอกตัวเมียจะออกจากกระโปงเหมือนกัน จะรู้ว่าเป็นดอกตัวผู้หรือดอกตัวเมีย
เมื่อออกกระโปงแล้วเท่านั้น
จากการสังเกตลักษณะของกระโปงพบว่าถ้ากระโปงปลายแหลมจะเป็นตัวผู้และถ้าผิวกระโปงมีลักษณะเป็นคลื่นๆ
จะเป็นตัวเมีย ช่อดอกตัวเมียจะมีลักษณะเป็นทะลายมีผลตาลเล็กๆติดอยู่ ถ้า 1
กระโปงมี 1 ทะลายจะได้ทะลายที่มีผลขนาดใหญ่
เต้ามีขนาดใหญ่และสวย แต่ถ้า 1 กระโปง มีมากกว่า 1
ทะลายจะได้ผลที่มีขนาดเล็ก
คุณภาพของผลไม่ดีเท่าที่ควรและเท่าที่ทราบเกษตรกรยังไม่เคยตัดแต่งให้เหลือแค่ 1
ทะลายต่อ 1 กระโปงแต่อย่างใด
ผล ผลจะเกิดกับต้นตัวเมียเท่านั้น
โดยจะออกเวียนรอบต้นตามกาบใบ คือ 1 กาบใบจะออก 1
กระโปงใน 1 ปีจะออกประมาณ 10-12
กระโปง ใน 1 กระโปง จะมีช่อดอก 1-3
ทะลาย และใน 1 ทะลายประกอบด้วยผลตาลอ่อนประมาณ 1-20 ผล
และใน 1 ผลจะมี 2-4
เมล็ด (เต้า)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น